Nara
...นารา เมืองพุทธศาสนาอันรุ่งเรือง...
นารา เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของภูมิภาคคันไซ
เนื่องจากในอดีตนาราเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรก ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 1,300 กว่าปีก่อน โดยมีชื่อเรียกเดิม คือ “เฮโจเคียว”
มีการวางผังเมืองและสร้างปราสาทราชวังต่างๆ โดยถอดแบบมาจากนครฉางอาน
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน ในสมัยราชวงศ์ถัง
ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของประเทศนั้น ศาสนาพุทธได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
มีการสร้างวัดวาอารามและพระพุทธรูปขึ้นมากมาย
ในขณะเดียวกันพระและนักบวชก็เริ่มมีอิทธิพลต่อราชสำนักมากขึ้น
จักรพรรดิคัมมูจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวง ไปยังที่ใหม่ คือ เมืองนากาโอกะ
เพื่อวางรากฐานการเมืองการปกครองขึ้นมาใหม่
นาราจึงกลายเป็นเมืองที่ยังคงเหลือร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในอดีต
และสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังเมืองนี้ ก็คือ
วัดวาอารามอันเก่าแก่หลายแห่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
การเดินทางไปเมืองนารา
รถไฟจากเมืองอื่นๆ
โตเกียว >> นารา จากสถานี JR Tokyo นั่งรถไฟชินคันเซนสาย
Tokaido Shinkansen ลงที่สถานี JR Kyoto ก่อนใช้เวลา 158-164 นาที แล้วแต่ขบวน
จากนั้นเปลี่ยนมานั่งรถไฟ JR สาย Nara Line Rapid
Service ลงที่สถานี JR Nara ใช้เวลาอีก 72
นาที
โอซาก้า >> นารา จากสถานี JR Tennoji นั่งรถไฟ JR สาย Yamatoji Rapid Service ลงที่สถานี JR
Kyoto ใช้เวลา 35 นาที
เกียวโต >> นารา นั่งรถไฟ JR สาย JR
Nara Line Local จากสถานี JR Kyoto ลงที่สถานี
JR Nara ใช้เวลา 60-72 นาที
การเดินทางภายในเมืองนารา
รถไฟ
นารามีสถานีรถไฟใหญ่ที่ชุมทางหลักๆ อยู่ 2 สถานีด้วยกัน คือ
สถานี Nara ซึ่งเป็นสถานีของรถไฟ JR ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง
ส่วนอีกสถานี คือ Kintetsu Nara ซึ่งเป็นสถานีหลักของรถไฟคินเท็ตสึ
จักรยาน นาราเป็นเมืองเล็กๆ
แม้ไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนเกียวโต สถานที่เที่ยวต่างๆจะอยู่ใกล้กัน
สามารถเดินเที่ยวได้ แต่หากเราไม่อยากเดินมากหรือไม่อยากรอรถเมล์นาน
แนะนำให้ใช้บริการเช่ารถจักรยาน ปั่นเที่ยวเอาจะดีที่สุด
เนื่องจากถนนหนทางในนารานั้นไม่ค่อยมีรถเยอะเท่าเกียวโต การปั่นจักรยานจึงค่อนข้างสะดวกและปลอดภัยกว่า
Loop Bus จากสถานี JR Nara สามารถนั่ง Loop Bus ได้ หลักๆจะมี 2 สาย คือ สาย 1 สีชมพู วิ่งวนทางซ้าย (Inbound)
และสาย 2 สีฟ้า วิ่งวนขวา (Outbound)
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน
“นารา”
วัด
Kofuku-ji
เดิมเป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวาระ
(ตระกูลที่ทรงอำนาจทางการทหารมากที่สุดในยุคสมัยนารา และเฮอัน)
วัดโคฟุคุจิก่อตั้งขึ้นในช่วงเดียวกับการสถาปนา นารา ขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ.710
ในยุครุ่งเรืองนั้นวัดแห่งนี้ มีอาคารและสิ่งก่อสร้างอยู่กว่า 150
หลัง ปัจจุบันเหลือเพียง 2 หลัง คือ เจดีย์ 3
ชั้น (ซันจูโนะโท) และเจดีย์ 5 ชั้น
(โกะจูโนะโท) ที่สูง 50 เมตร
ถือเป็นเจดีย์ที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
รองจากเจดีย์วัดโทจิในเกียวโต สร้างในปี ค.ศ.730 และบูรณะขึ้นใหม่ในปี
ค.ศ.1426 วัดโคฟุคุจิ ไม่เก็บค่าเข้าค่ะ สามารถเดินเที่ยวได้ฟรีๆ
แต่จะมีส่วนที่เก็บค่าเข้าอยู่สองแห่ง คือ หอสมบัติของวัดชูคอนโดะ Chukon-do
(Central Golden Hall) ด้านในมีวัตถุโบราณล้ำค่าอยู่มากมาย
รวมถึงรูปแกะสลักของเทพอาชูราที่สวยงาม
ปัจจุบันหอสมบัติแห่งนี้กำลังปิดปรับปรุงอยู่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี ค.ศ.2018
ส่วนอาคารที่ต้องเสียค่าเข้าชมอีกแห่ง คือ วิหารไม้ โทคอนโดะ Tokon-do
(East Golden Hall) ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักยาคุชิ
เนียวไร หรือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต
เปิดให้บริการเวลา: 09.00 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมหอสมบัติ
600 เยน วิหารหลัก 300 เยน (ตั๋วรวม 800
เยน)
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu
Nara เดินต่ออีก 5 นาที
ศาลเจ้า
Kasuga – Taisha
ศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่และสำคัญที่สุดของนารา
สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนา นารา ขึ้นเป็นเมืองหลวง เพื่อบูชาแด่องค์เทพเจ้า Takemikazuchi-no-mikoto,
Amenokoyane-no-mikoto, Himekami และ Futsunushino-mikoto รวมทั้งยังเป็นศาลเจ้าประจำตระกูลฟูจิวาระอีกด้วย
(ตระกูลทหารที่มีอำนาจการปกครองญี่ปุ่น ในศตวรรษที่ 10-11) คาซุงะไทฉะ
ตั้งอยู่เชิงเขาคะซุงะทางทิศตะวันออกของนารา ศาลเจ้าแห่งนี้มีอาณาเขตที่กว้างขวาง
บริเวณรอบเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเล็กๆ จำนวน 15 แห่ง
ระหว่างทางเดินเข้าสู่ตัวศาลเจ้าจะต้องผ่านโคมไฟหิน จำนวนนับพันที่ตั้งเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทางจนถึงหน้าประตูโทริอิ
ตัวศาลเจ้าหลักซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด สร้างด้วยไม้ ทาสีแดงสด
มีโคมไฟสำริดและโคมไฟทองคำแขวนอยู่โดยรอบภายในศาลเจ้าหลัก ยังมีต้นสนซีดาร์ยักษ์
อายุมากกว่า 800 ปี และดอกวิสทีเรีย อายุกว่า 400 ปี ซึ่งจะบานในช่วงปลายเดือนเมษายน
เวลาบานเต็มที่จะห้อยเป็นระย้าลงมาติดดินงดงามมาก
การเข้าชมศาลเจ้าคาซุงะไทฉะในเขตชั้นนอกนั้นไม่เสียค่าเข้า
แต่ถ้าต้องการเข้าชมในส่วนของวิหารด้านใน
ซึ่งเป็นห้องแสดงประวัติความเป็นมาของศาลเจ้า หอสมบัติ
และทางเดินที่มีโคมสำริดแขวนเรียงรายอยู่ ต้องเสียค่าเข้าแยกต่างหาก 500 เยน
เปิดให้บริการเวลา: 06.00 – 18.00 น.
อัตราค่าเข้าชม: ด้านนอกศาลเจ้าชมฟรี
ค่าชมวิหารด้านใน 500 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu
Nara แล้วเดินต่ออีก 30 นาที หรือ
นั่งรถบัสหมายเลข 1 หรือ 5 ใช้เวลาประมาณ
8 นาที
สวนสาธารณะ Nara
สวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่เชิงเขาวากาคุซะ
มีพื้นที่กว่า 6 ตารางกิโลเมตร
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นลานสนามหญ้ากว้างขวาง บางส่วนปลูกต้นไม้หนาทึบ มีเรือนน้ำชา
สระน้ำและสวนญี่ปุ่น ภายในสวนเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
เช่น วัดโคฟุคุจิ วัดโทไดจิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา ศาลเจ้าคาซุงะไทฉะ
รวมถึงวัดและศาลเจ้าอื่นๆ อีกมากมาย บริเวณสวนแห่งนี้เรายังจะได้เห็นฝูงกวาง
ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองนารา เดินเฉิดฉายอย่างอิสระทั่วทั้งสวน
บางกลุ่มก็เดินตื้อขอขนมเซมเบ้ (Sembei) จากนักท่องเที่ยวเป็นที่สนุกเฮฮา
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu
Nara แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
Nara
ตั้งอยู่ภายในสวนนารา
เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะทางพุทธศาสนา สร้างขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน
อาคารหลักยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่มีการสร้างอาคารใหม่ขึ้นด้านหลัง
โดยมีทางเดินใต้ดินเชื่อมถึงกัน
ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงโบราณวัตถุทางพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูป ภาพวาด
คัมภีร์ และโบราณวัตถุอื่นๆ
ส่วนอาคารที่สองที่สร้างขึ้นใหม่มักจะมีการจัดนิทรรศการที่หมุนเวียนไปตามฤดู
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง
จะมีนิทรรศการประจำปีที่นำสมบัติของวัดโทไดจิออกมาจัดแสดงให้ชมที่นี่ด้วย
เปิดให้บริการเวลา: 09.30 – 17.00 น.
หยุดวันจันทร์
อัตราค่าเข้าชม: 520 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Kintetsu
Nara แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะนารา
วัด
Yakushi-ji
เป็นวัดเก่าแก่
สร้างขึ้นโดยพระจักรพรรดิเทนมูในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 โดยเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าให้มเหสีของพระองค์ทรงหายจากอาการประชวร
วัดนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดไทโชไดจิมากนัก สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนี้ คือ หอทองคำ
(คอนโดะ) หรือวิหารหลักเป็นอาคารหลังใหญ่ มีสองชั้น
รูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน มีเจดีย์ 3 ชั้นขนาบซ้ายขวา
เรียกว่า โตโตะ (เจดีย์ตะวันออก) สร้างเสร็จในปี ค.ศ.730 ปัจจุบันทำการบูรณะอยู่
จึงมองไม่ห็นตัวเจดีย์ และเจดีย์ไซโตะ (เจดีย์ตะวันตก)
ทั้งสองหลังเป็นเจดีย์สามชั้น แต่ทำหลังคาลวงตา ให้ดูเหมือนกับว่ามีหกชั้น
ด้านในวิหารหลัก เจดีย์และหอแสดงสมบัติ (ไดโคโดะ) ห้ามถ่ายภาพทั้งหมด
วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระยาคุชิ เนียวไร (พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต)
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง
เปิดให้บริการเวลา: 08.00 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม: 1,100 เยน
การเดินทาง: จากหน้าสถานี JR
Nara หรือ Kintetsu Nara นั่งรถบัสสาย 70,
72 ลงป้าย Toshodaiji แล้วเดินต่ออีก 5
นาที หรือนั่งรถบัสสาย 97 ลงป้าย Yakushiji-chushajo
วัด
Toshodaiji
สร้างขึ้นในปี ค.ศ.759 โดยพระ Ganjin ที่ได้รับนิมนต์มาจากประเทศจีนโดยองค์จักรพรรดิ
เพื่อที่จะฝึกอบรมพระสงฆ์และจัดระเบียบพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนาราไปทางตะวันตก
มีบรรยากาศที่ร่มรื่นและค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน
วิหารใหญ่ของวัด (Gando) เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อปลายปี 2009
หลังจากที่ได้รับการบูรณะเป็นเวลาเกือบสิบปี
ด้านในมีรูปปั้นไม้แกะสลักของท่าน Ganjin ซึ่งเปิดให้ชมเพียงปีละครั้งราวๆ
วันที่ 6 พฤษภาคม ของทุกปี
บริเวณด้านหลังวัดเป็นสวนป่าร่มรื่น มีทางเดินแคบๆ นำไปสู่สุสานของท่าน Ganjin
ที่ตั้งอยู่ข้างบึงน้ำขนาดใหญ่ จากวัดโทโชไดจิ
สามารถเดินต่อไปยังวัดยาคูชิจิ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันได้
เปิดให้บริการเวลา: 08.30 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม: 600 เยน
การเดินทาง: จากหน้าสถานี JR
Nara หรือ Kintetsu Nara นั่งรถบัสสาย 70,
72 ลงป้าย Toshodaiji
วัด
Todaiji
วัดโทไดจิ
ถือเป็นโบราณสถานที่มีความเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.752 ในช่วงที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้ คือ วิหารไม้หลังใหญ่ ไดบุทสุเดน
ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโต (ไดบุทสุ)
ว่ากันว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ความสูง 157 ฟุต
ความยาว 187 ฟุต) แม้ว่าวิหารไม้ที่เห็นในปัจจุบันนี้
มีขนาดเพียงแค่ 2 ใน 3 ของวิหารหลังเดิมที่เคยถูกไฟไหม้ไป
จากภัยสงครามแต่ก็ยังมีความยิ่งใหญ่ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก
ภาพที่เห็นจนชินตาระหว่างเดินเข้าสู่วัด ก็คือ
ฝูงกวางที่เดินปะปนไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยว สามารถป้อนขนมและเล่นด้วยอย่างคุ้นเคย
ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ตัววัด
เราต้องผ่านซุ้มประตูไม้ขนาดใหญ่ นันไดมง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.962 มีสถาปัตยกรรมแบบจีน ในสมัยรางวงศ์ซ่ง สร้างด้วยไม้ซุงขนาดยักษ์ถึง 18
ต้น ด้านในของวิหารหลวงพ่อโต จะมีตะเกียงสำริด 8 เหลี่ยม ตั้งอยู่โดดเด่นกลางลานหน้าวิหาร
ลวดลายสลักที่ตะเกียงเป็นรูปของเหล่าคนธรรพ์ ขับกล่อมดนตรีอยู่
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเครื่องดนตรีในยุคเมื่อ 1,200 ปีก่อน
ภายในวิหารไดบุทสุเดน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “ไดบุทสุ” หรือองค์พระไวโรจนะพุทธเจ้า
(พระพุทธเจ้าที่มีรัศมีส่องสว่างดุจดังพระอาทิตย์) องค์พระสร้างด้วยบรอนซ์
ประทับอยู่ในปางนั่งขัดสมาธิเพชร แสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระพาหา พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่ามุทรา
องค์พระมีความสูง 14.98 เมตร หนักประมาณ 500 ตัน สร้างเสร็จในปี ค.ศ.752
นอกจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่
องค์พระไวโรจนะแล้ว
ที่เบื่องขวามีพระอากาศครรภ์โพธิสัตว์และที่เบื่องซ้ายมีพระจินดามณีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
ประดิษฐานอยู่เป็นอันดับ ทั้ง 2 องค์นี้เป็นพระพุทธรูปไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ
เปิดให้บริการเวลา: 08.00 – 17.00 น.
อัตราค่าเข้าชม: ค่าเข้าวิหารหลวงพ่อโต
500 เยน ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ 500 เยน หรือซื้อตั๋วรวม 800 เยน
การเดินทาง: จากหน้าสถานี Kintetsu
Nara แล้วเดินต่ออีก 20 นาที
หรือนั่งรถบัสจากหน้าสถานี (มีรถผ่านหลายสาย) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
******************************************
จองตั๋ว JR Pass >>> http://wismatravel.com/jrpass
จองตั๋ว เครื่องบินราคาถูก >>> http://wismatravel.com/ticket
Facebook >>> https://www.facebook.com/Wismatravel/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น